ปี 2563 มีบททดสอบที่หนักหน่วงที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคสมัยใหม่ เมื่อโรคระบาดร้ายแรงสร้างความหายนะไปทั่วโลก ทำให้ชีวิตผู้คนพลิกผัน แต่จีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ได้ทำ "สงครามประชาชน" กับโควิด-19 อย่างรวดเร็ว และให้คำมั่นว่าจะปกป้องชีวิตและสุขภาพของประชาชนในทุกวิถีทาง

การให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นลำดับแรกไม่ใช่เรื่องใหม่ในจีน

"พรรคและประชาชนของเรายืนหยัดเคียงข้างกัน และรักษาความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ซึ่งเป็นหลักประกันขั้นพื้นฐานของพรรคในการพิชิตทุกอุปสรรคและความเสี่ยง ดังคำกล่าวที่ว่า ผู้ที่ชนะใจประชาชนได้ย่อมปกครองประเทศได้ ผู้ที่ชนะใจประชาชนไม่ได้ย่อมปกครองประเทศไม่ได้"

- ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2559

"ผู้ที่ชนะใจประชาชนได้ย่อมปกครองประเทศได้ ผู้ที่ชนะใจประชาชนไม่ได้ย่อมปกครองประเทศไม่ได้" เป็นคำพูดคลาสสิกที่มีการบันทึกครั้งแรกในตำราว่าด้วยพิธีกรรม (หลี้จี) ซึ่งเป็นหนึ่งในคัมภีร์ทั้งห้าของขงจื๊อ

กว่า 2,000 ปีต่อมา ภูมิปัญญานี้ยังคงใช้ได้ในปัจจุบัน ดูได้จากการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา เมื่อมีความชัดเจนแล้วว่าประเทศชาติกำลังเผชิญกับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข รัฐบาลจีนก็ได้พยายามขับเคลื่อนประเทศและประชาชนให้พ้นจากอันตราย

ข้อความนั้นดังก้องและชัดเจน: ประชาชนต้องมาก่อนเสมอ

สงครามประชาชน

การต่อสู้กับโควิด-19 ในสมรภูมิหลักเกิดขึ้นที่มณฑลหูเป่ยทางภาคกลางของจีน และเมืองหลวงของมณฑลอย่างเมืองอู่ฮั่น จีนได้ส่งแพทย์ อุปกรณ์ และทรัพยากรที่ดีที่สุดไปที่นั่น โดยรัฐบาลออกค่าใช้จ่ายในการรักษาทั้งหมด

บุคลากรทางการแพทย์กว่า 42,000 คนจากทั่วประเทศถูกส่งไปยังหูเป่ย นอกจากนั้นยังมีการสร้างโรงพยาบาลพิเศษขึ้นสองแห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลหั่วเสินซานและโรงพยาบาลเหลยเสินซาน รวมถึงโรงพยาบาลชั่วคราวหลายสิบแห่งในอู่ฮั่นเพื่อรองรับผู้ป่วย

เพื่อช่วยเหลือเมืองอื่น ๆ ในหูเป่ย จีนได้เผยแผน "จับคู่สนับสนุน" โดยผลักดันให้พื้นที่ระดับมณฑลจับคู่กับชุมชนทั่วทั้งมณฑล

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีน เขาเยี่ยมผู้ป่วย รับฟังบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ในชุมชน และพูดคุยกับตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่อยู่ในแนวหน้า นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำความสำคัญของการพึ่งพาประชาชนเพื่อเอาชนะในสงครามต่อสู้ไวรัสครั้งนี้

"ผมคิดว่าการตอบสนองของจีนนั้นยอดเยี่ยมมาก" สตีเฟน แมคเคลอร์ ที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล มหาวิทยาลัยอู่ฮั่น ให้ความเห็นกับสถานีโทรทัศน์ CGTN

"มีความพยายามมากมายที่ลงมาจากส่วนบน นั่นคือระดับชาติ ซึ่งช่วยสนับสนุนประชาชนในอู่ฮั่น จากนั้นก็มีความพยายามจากส่วนล่าง นั่นคือชุมชน เพื่อตอบสนองและร่วมมือ"

"ผมไม่คิดว่าจะมีหนทางใดที่รับมือกับโรคระบาดได้หากปราศจากการเข้ามามีส่วนร่วมของพลเมืองมากมายเช่นนี้ เพื่อทำให้แน่ใจว่าทุกคนโอเค ผมไม่เห็นว่าใครจะสามารถล็อกดาวน์ได้โดยที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานแบบนั้น เหมือนกับประเทศตะวันตก" เขากล่าวเสริม

ฟื้นจากเถ้าถ่าน

ในช่วงที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เยี่ยมเมืองอู่ฮั่นนั้น เขากล่าวว่า "ประชาชนที่กล้าหาญของเมืองที่กล้าหาญจะเอาชนะโควิด-19 ได้อย่างแน่นอน โดยฟื้นขึ้นจากเถ้าถ่านและสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในยุคใหม่"

ความพยายามทั้งหมดเห็นผล และความคาดหวังของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็กลายเป็นความจริง หลังผ่านไป 76 วันแห่งความพากเพียรและเสียสละ อู่ฮั่นก็สิ้นสุดการล็อกดาวน์ และสิ่งต่าง ๆ ในเมืองก็กลับคืนสู่ภาวะปกติ

GDP ของอู่ฮั่นขยายตัว 58.4% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 ขณะที่ตัวเลขการค้าต่างประเทศขยายตัว 92.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

จีนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 แต่ลงมือเร็วจนควบคุมโรคระบาดได้อยู่หมัด ปัจจุบัน ประเทศจีนนำหน้าประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเศรษฐกิจเติบโต 18.3% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาสแรกของปี 2564

แต่จีนจะไม่การ์ดตก และจะเดินหน้ากระจายวัคซีนให้ประชาชนอย่างทั่วถึง โดยข้อมูลจากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติระบุว่า นับจนถึงวันที่ 11 พฤษภาคม จีนฉีดวัคซีนทั่วประเทศแล้วกว่า 342.7 ล้านโดส

ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีนระบุว่า จีนมีแผนฉีดวัคซีนให้ประชากร 70-80% ภายในกลางปีหน้า

https://news.cgtn.com/news/2021-05-12/How-China-s-people-centered-approach-works-in-fight-against-COVID-19-10c6ccZkU6Y/index.html

ลิงก์: https://www.youtube.com/watch?v=1dZyGrXzoZ8