นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดงานวันสตรีสากล ประจำปี 2564 ภายใต้แนวคิด “เสริมพลังสตรีและเด็กหญิงสู่ความเสมอภาคร่วมตัดสินใจ ไร้ความรุนแรง” พร้อมทั้งมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่สตรี บุคคล และหน่วยงานองค์กรดีเด่น จำนวน 42 รางวัล โดยมี นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นางจินตนา จันทร์บำรุง อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว คณะผู้บริหารกระทรวง พม. และผู้ที่ได้รับการประกาศเกียรติคุณฯ เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมชั้น 2 กระทรวง พม. ถนนกรุงเกษม สะพานขาว กรุงเทพฯ
นายจุติ กล่าวว่า ด้วยองค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันที่ 8 มีนาคมของทุกปีเป็นวันสตรีสากล ซึ่งกระทรวง พม. โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ได้จัดงานวันสตรีสากลเป็นประจำทุกปี เพื่อสร้างพลังใจให้กับสตรีในการร่วมพัฒนาสังคมให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ กระทรวง พม. ได้กำหนดจัดงานวันสตรีสากล ประจำปี 2564 ภายใต้แนวคิด “เสริมพลังสตรีและเด็กหญิง สู่ความเสมอภาค ร่วมตัดสินใจ ไร้ความรุนแรง” โดยสอดคล้องกับหัวข้อหลักในการประชุมของคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี (Commission on the Status of Women-CSW) สมัยที่ 65 และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 5 เพื่อบรรลุความเท่าเทียมทางเพศ พัฒนาบทบาทสตรีและเด็กผู้หญิง ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การพัฒนาสตรีที่สำคัญของรัฐบาลในการเสริมพลัง เพิ่มบทบาท และพัฒนาคุณภาพชีวิตแก่สตรีทุกกลุ่มและทุกระดับ ซึ่งมีการจัดงานวันสตรีสากลพร้อมกันทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่
“สำหรับงานวันสตรีสากล ปี 2564 ในส่วนกลาง กระทรวง พม. โดย สค. ร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ดำเนินการพิจารณาคัดเลือกสตรี บุคคล และหน่วยงานองค์กรดีเด่นที่ทำงานด้านการพัฒนาศักยภาพและคุ้มครองสิทธิสตรี รวมทั้งการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศจากทั่วประเทศ จำนวน 15 สาขา รวม 42 รางวัล เพื่อประกาศเกียรติคุณ ยกย่อง เชิดชูเกียรติ ซึ่งวันนี้ในช่วงเช้า มีพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่สตรี บุคคล และหน่วยงานองค์กรดีเด่น โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านระบบ Live streaming เพื่อให้บุคคลทั่วไปได้ร่วมแสดงความชื่นชมยินดี เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทั้งนี้ มีบุคคลที่มีชื่อเสียงได้รับรางวัล อาทิ 1) รองศาสตราจารย์ เรณู พุกบุญมี ผู้อำนวยการโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับรางวัลสตรีดีเด่นในเวที/เครือข่ายระดับสากล ประเภทบุคคลภาครัฐ และ 2) แพทย์หญิงลลนา ก้องธรนินทร์ (หมอเจี๊ยบ) ได้รับรางวัลสตรีดีเด่นด้านสื่อมวลชน ประเภทสื่อวิทยุและโทรทัศน์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีสื่อมวลชนได้รับรางวัล อาทิ 1) รายการผู้หญิงทำมาหากิน สถานีโทรทัศน์ ช่องวัน 31 2) ละครโทรทัศน์ เรื่องปลายจวัก สถานีโทรทัศน์ไทย พีบีเอส 3) หนังสือพิมพ์มติชน สื่อโฆษณา เรื่อง ยิ้มสู้ ของบริษัทคลอเกต ปาล์มโอลีพ และ 4) สื่อออนไลน์ เรื่อง พลังของการเปลี่ยนแปลงจากเรื่องราวชีวิตจริงของนิ้ง ชัญญา สาวที่ป่วยเป็นเนื้องอกที่ก้านสมอง โดยบริษัทพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด”
นายจุติ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายมีการจัดกิจกรรมเสริมพลังสตรีแม่เลี้ยงเดี่ยวและครอบครัว “สดุดีฮีโร่ แม่ น้า อา ป้า ย่า ยาย เลี้ยงเดี่ยว” เพื่อสร้างพลังบวกให้กับสตรีเลี้ยงเดี่ยวทุกรุ่นที่ต้องทำงานอย่างหนักในการหาเงินมาดูแลตนเองและครอบครัว ในขณะเดียวกันต้องเป็นได้ทั้งพ่อและแม่ของลูกหลาน เพื่อไม่ให้รู้สึกว่ามีปมด้อยเพราะขาดพ่อ และสามารถเติบโตเป็นคนดีของสังคมได้ ถือว่าสตรีเลี้ยงเดี่ยวเป็น “สตรี ที่ สตรอง” และตลอดเดือนมีนาคม 2564 กระทรวง พม. โดย สค. ยังได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ร่วมกับภาคีเครือข่าย อาทิ รัฐสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหญิง และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อผลักดันการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะ (Gender Responsive Budgeting : GRB) ทั้งในภาครัฐและเอกชน อีกทั้งจะมีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง กระทรวง พม. โดย สค. กับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรื่องการนำเสนอรายการโทรทัศน์บนหลักสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็ก เยาวชน สตรี ผู้มีความหลากหลายทางเพศ และครอบครัว เป็นต้น
“กระทรวง พม. ขอแสดงความชื่นชมและยินดีกับสตรี บุคคล หน่วยงาน และองค์กรเครือข่ายที่ได้รับรางวัลในงานวันสตรีสากล ปี 2564 และเชื่อว่า จะเป็นภาคีเครือข่ายร่วมกันในการดำเนินงานด้านการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ และเป็นพลังสำคัญและแบบอย่างในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับสตรี บุคคล และหน่วยงานองค์กรอื่น ๆ ในการขับเคลื่อนให้เป็นสังคมเสมอภาคอย่างยั่งยืนต่อไป” นายจุติกล่าวในท้ายที่สุด