โดยทั่วไป ผ้าม่านทุกชนิดสามารถช่วยลดระดับแสงแดดภายในห้องให้อยู่ในโทนที่อบอุ่นพอดี แต่ถ้าห้องใครหันหน้าสู่ทิศที่โดนแสงแดดเต็ม ๆ เป็นประจำทุกวัน แน่นอนว่าบางครั้งผ้าม่านมาตรฐานก็อาจเอาไม่อยู่ หากต้องจะเปิดหน้าต่างรับลม คลายร้อนช่วงกลางวันก็กลัวจะยิ่งร้อน ต้องการจะอยู่ภายในห้องกับเพียงพัดลมก็อาจจะไม่ไหว ทำให้ต้องคอยเปิดแอร์อยู่ตลอดแม้บางคราวจะไม่อยากเปิด นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่อยากนอนกลางวันให้เต็มอิ่มแต่ค่อนข้างไวต่อแสง บางครั้งผ้าม่านมาตรฐานก็อาจไม่ตอบโจทย์ เพราะแสงยังคงเล็ดลอดเข้ามาในห้องได้อยู่ ทำให้นอนหลับได้ไม่เต็มอิ่ม ด้วยปัจจัยทั้งหมดมวลนี้เอง ‘ผ้าม่านกันแสง’ จึงถูกผลิตขึ้นมาเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการด้านนี้ของผู้อยู่อาศัยโดยเฉพาะ และในยิ่งยุคสมัยใหม่ที่เวลากลางคืนกลายเป็นช่วงเวลาการทำงานสำหรับหลายคน และกลางวันกลายเป็นช่วงเวลาเดียวแห่งการนอนหลับพักผ่อน การติด ‘ผ้าม่านกันแสง’ จึงยิ่งกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหลายคนไปโดยปริยาย
ผ้าม่านกันแสงและบทบาทในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการนอนหลับความสามารถของ ‘ผ้าม่านกันแสง’ ในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการนอนหลับนั้น ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องที่ผู้อยู่อาศัยรู้สึกขึ้นมาเอง แต่เป็นกลไกการทำงานโดยธรรมชาติของ ‘ร่างกาย’ ที่ปรารถนาแสงสว่างยามตื่นและความมืดมิดในยามนอนหลับ ผ่านการหลั่งของ ‘ฮอร์โมนเมลาโทนิน (melatonin)’ หรือ ฮอร์โมนที่ช่วยในการควบคุมวงการจรหลับและตื่น ซึ่งจะหลั่งในยามกลางคืน (เมื่อหมดแสง) เพื่อให้ร่างกายเรานอนหลับ และหยุดหลั่งในยามเช้า (เมื่อเริ่มมีแสง) เพื่อให้ร่างกายเราตื่นและเริ่มวันใหม่ เป็นกลไกทางธรรมชาติที่เรียกว่า ‘นาฬิกาชีวภาพ’ (biological clock) ด้วยเหตุนี้ หลายครั้งการหลับในช่วงกลางวันท่ามกลางแสงสว่างจึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากเพราะร่างกายของเราแทบไม่มีเมลาโทนินเหลืออยู่แล้วและก็ยังไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่จะหลั่ง
ด้วยผ้าม่านกันแสง ผู้อยู่อาศัยจึงสามารถป้องกันแสงเล็ดลอดเข้าสู่ห้อง ไม่ว่าจะในยามกลางวันหรือกลางคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งเมลาโทนินในช่วงเวลาที่ต้องการอย่างเต็มที่และเพิ่มประสิทธิภาพการนอนหลับอย่างเต็มอิ่ม
ผ้าม่านกันแสงช่วยกันแสงได้มากน้อยแค่ไหน?มาถึงตรงนี้ แฟน ๆ LUXE DÉCOR หลายคนคงเริ่มสงสัยว่า ‘ที่ว่าช่วยกันแสงอย่างมีประสิทธิภาพนั้น มีประสิทธิภาพแค่ไหน?’ ซึ่งต้องขอตอบว่า มีประสิทธิภาพชนิดสามารถช่วยกันแสงได้สูงสุด 100% เลยค่ะ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทผ้าม่านกันแสงที่เราเลือกด้วยนะคะ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. ผ้าม่าน BLACKOUT
BLACKOUT CURTAIN / LUXE DÉCOR
คุณสมบัติ
- เนื้อผ้า: ผ้าแบล็คเอ้าท์ (Black out) ผลิตจาก Polyester, Polyester ผสมคอตตอน หรือ วิสคอน เคลือบโฟม หรือ ซิลิโคน 2-3 ชั้น
- การกันแสง: ผ้าแบล็คเอ้าท์ (Black out) สามารถป้องกันแสงได้ 100% และป้องกันรังสี UV
- จุดเด่น: ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและเพื่อการพักผ่อนที่เต็มอิ่ม เหมาะใช้งานสำหรับห้องนอน หรือห้องดูหนัง
2. ผ้าม่าน DIMOUT
DIMOUT CURTAIN / LUXE DÉCOR
คุณสมบัติ
- เนื้อผ้า: ผ้าม่าน Dim Out ผลิตจาก Polyester , Polyester ผสมคอตตอน
- การกันแสง: ผ้าม่าน Dimout สามารถป้องกันแสงได้ 40% – 95% ขึ้นอยู่กับโทนสีของเนื้อผ้า
- จุดเด่น: ช่วยป้องกันแสงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โทนอบอุ่น ไม่สว่างและไม่มืดจนเกินไป เหมาะกับผู้ที่อาจไม่ได้อยากกันแสงแบบ 100%
วิธีการเลือกผ้าม่านกันแสงให้เหมาะสม ลำดับแรกจึงควรพิจารณาด้านปริมาณแสงที่เราต้องการเป็นหลัก จากนั้นจึงอาจพิจารณาปัจจัยลวดลายและความงดงามโดยรวมเหมือนการเลือกผ้าม่านปกติ ในการเลือกผ้ากันแสงแบบ Dimout ผู้เลือกยังควรใส่ใจกับโทนสีของเนื้อผ้าเป็นพิเศษ เพราะอย่างที่กล่าวข้างต้นว่ามีผลโดยตรงต่อโทน/ปริมาณแสงที่จะส่องผ่านเข้ามา
สรุปคุณสมบัติและจุดเด่นของผ้าม่านกันแสง
- ผ้าม่านกันแสงสามารถช่วยกันแสงได้ตั้งแต่ 40 – 100% ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกเป็นผ้าม่านแบบ Blackout หรือ Dimout
- ผ้าม่านกันแสงสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการนอนหลับ และยังถือเป็นตัวช่วยในการป้องกันและรักษาสีสันของเฟอร์นิเจอร์ให้เหมือนใหม่ ไม่ซีดเร็ว
- ผ้าม่านกันแสงเหมาะสำหรับ
BLACKOUT CURTAIN / LUXE DÉCOR
LUXE DÉCOR Tips
สำหรับผู้ที่อยากติดผ้าม่าน BLACKOUT แต่ก็กลัวว่าจะทึบเกินไปหรืออาจไม่ได้ต้องการใช้ม่าน BLACKOUT ตลอด ยังสามารถพูดคุยกับร้านผ้าม่าน เช่น LUXE DÉCOR ให้ติดตั้งม่าน BLACKOUT ควบคู่กับม่านโปร่ง โดยเปิดม่านโปร่งเป็นหลักให้แสงส่องผ่านเข้ามาเป็นปกติและเลือกเปิดม่าน BLACKOUT เฉพาะในเวลาที่ต้องการเท่านั้น