Shanghai Electric Group ผู้ผลิตและซัพพลายเออร์อุปกรณ์ผลิตไฟฟ้า อุปกรณ์อุตสาหกรรม และบริการครบวงจรชั้นนำระดับโลก ได้รับการปรับเพิ่มอันดับเรตติ้งความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ของฮั่งเส็ง สู่ระดับ A ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของบริษัทในการบรรเทาวิกฤตโควิด-19 การบรรเทาความยากจน รวมถึงการยกระดับแนวทางปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความปลอดภัย (EHS)

Shanghai Electric ทำผลงานได้ดีในการพัฒนากลยุทธ์ ESG ซึ่งประกอบด้วยปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ที่ชี้วัดผลกระทบด้านความยั่งยืนและสังคมที่มีต่อการลงทุน โดยรายงานการจัดอันดับเรตติ้ง ESG ที่รวบรวมโดยดัชนีฮั่งเส็งแสดงให้เห็นว่า Shanghai Electric ติดกลุ่มท็อป 10% จากบริษัท 332 แห่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน และจากบริษัททั้งหมด 1,435 แห่ง ในแง่ของประสิทธิภาพ ESG ในด้านหลัก ๆ เช่น บรรษัทภิบาล สิ่งแวดล้อม การดำเนินงานด้วยความเป็นธรรม ประเด็นเกี่ยวกับผู้บริโภค รวมถึงการมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชน

การจัดอันดับเรตติ้งครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ดัชนีฮั่งเส็งได้ผนวกรวม Shanghai Electric ไว้ในดัชนีเกี่ยวกับความยั่งยืนหลายดัชนี ได้แก่ Hang Seng (China A) Corporate Sustainability Index, Hang Seng (Mainland and HK) Corporate Sustainability Index และ Hang Seng (China A) Corporate Sustainability Benchmark Index ทั้งนี้ การได้รับการปรับเพิ่มอันดับเรตติ้งตอกย้ำความสำเร็จของ Shanghai Electric ในการส่งเสริมความยั่งยืนและความรับผิดชอบขององค์กรตลอดหลายปีที่ผ่านมา หลังจากที่ได้รับการปรับเพิ่มเรตติ้ง MSCI ESG ในปี 2563

ดัชนีฮั่งเส็งมีเกณฑ์การประเมินที่เข้มงวดในการจัดอันดับเรตติ้งบริษัทต่าง ๆ โดยได้มีการมอบหมายให้ Hong Kong Quality Assurance Agency ซึ่งเป็นหน่วยงานประเมินอิสระระดับมืออาชีพ ทำการประเมินประสิทธิภาพด้าน ESG ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงราว 500 แห่ง และบริษัท A-shares กว่า 1,200 แห่ง

ในขณะที่โรคระบาดยังคงถาโถมทั่วโลก Shanghai Electric ได้ใช้มาตรการมากมายเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 โดยบริษัทได้จัดตั้งทีมพัฒนาเครื่องจักรผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตหน้ากากอนามัย 100,000-120,000 ชิ้นต่อวัน ด้วยการรวม 10 สายการผลิตเข้าด้วยกันภายในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2563 Shanghai Electric ได้บริจาคเครื่องทำซีทีสแกน 7 เครื่อง มูลค่ารวมกว่า 24.75 ล้านหยวน (3.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่สภากาชาดในเมืองอู่ฮั่น ขณะเดียวกัน พนักงานของ Shanghai Electric ได้บริจาคเงินรวม 8.8 ล้านหยวน ณ เดือนมีนาคม 2563 เพื่อช่วยสนับสนุนงานบรรเทาผลกระทบจากโรคระบาดในจีน

นอกจากนี้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบขององค์กร Shanghai Electric ได้มีส่วนร่วมในการบรรเทาความยากจนในพื้นที่ชนบทของจีน โดยนับตั้งแต่ปี 2561 บริษัทได้บริจาคเงิน 2.25 ล้านหยวนให้หมู่บ้านหลายแห่งในมณฑลยูนนานทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ โดยเงินบริจาคนำไปใช้ก่อสร้างถนนหนทางและติดตั้งโคมไฟถนน รวมถึงช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวบ้านกว่า 4,400 คน นอกจากนี้ ในปี 2562 บริษัทยังบริจาคเงินรวม 12.48 ล้านหยวนให้แก่เขตเฟิงเซียน ซึ่งเป็นพื้นที่ยากจนทางตอนใต้ของนครเซี่ยงไฮ้

ขณะเดียวกัน บริษัทได้ให้การสนับสนุนโครงการและพันธมิตรในต่างประเทศระหว่างที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดสูงสุดระลอกแรก โดยในเดือนมีนาคมและเมษายน 2563 Shanghai Electric ได้บริจาคหน้ากากอนามัยให้แก่ Fuji Electric ในญี่ปุ่น, Sarawak Energy ในมาเลเซีย, Wassit Thermal Power Plant ในอิรัก และ Thar Block-1 Integrated Coal Mine-Power Project ในปากีสถาน

นอกจากนี้ Shanghai Electric ยังยกระดับความพยายามด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความปลอดภัย (EHS) ด้วยการวางระบบบริหารจัดการสุขภาพและความปลอดภัย พร้อมกับจัดตั้งคณะกรรมการประจำสำนักงานระดับภูมิภาคเพื่อยกระดับแนวทางปฏิบัติด้าน EHS ยกตัวอย่างเช่น เพื่อปกป้องความปลอดภัยของพนักงาน บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรในดูไบนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อผนึกกำลังทีมงานควบคุมโรคหน้างาน โดยบุคลากรทั้งชาวจีนและดูไบได้รับคำแนะนำและคู่มือ รวมถึงการฝึกอบรมความปลอดภัยหน้างานทั้งในภาษาอังกฤษและอาหรับ

ทั้งนี้ Shanghai Electric ได้พยายามสร้างความมั่นใจว่าการดำเนินงานของบริษัทจะส่งผลกระทบต่อถิ่นที่อยู่ของพืชและสัตว์น้อยที่สุด โดยบริษัทได้ทำงานร่วมกับนักนิเวศวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อทำการย้ายถิ่นที่อยู่ของสัตว์ป่าและ mesquite tree รวม 180 ต้น บนพื้นที่ 40 ตารางกิโลเมตรใกล้กับสถานที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทในดูไบ