ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 นับตั้งแต่เดือนมีนาคมปีก่อน ส่งผลให้คนวัยทำงานได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า โดย จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่าในเดือนตุลาคมปี 2563 มีจำนวนผู้ว่างงานทั้งหมดราว 8.1 แสนคน จากจำนวนแรงงานรวม 38.76 ล้านคนทั่วประเทศ และการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในครั้งนี้ คนวัยทำงานต่างหวังพึ่งและใช้ประโยชน์จากการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มโอกาสและช่องทางในการสร้างรายได้เสริม เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หาเลี้ยงตนเองและจุนเจือครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น การค้าขายสินค้าหรือบริการออนไลน์ การใช้แอปเพื่อรับงานส่งอาหาร หรือแม้แต่การให้บริการเรียกรถผ่านแอปมากขึ้น
นายธนภัทร ผลอุดม อดีตบาร์เทนเดอร์ประจำร้านอาหารแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ กล่าวว่า ช่วงที่มีประกาศ ล็อกดาวน์ครั้งแรก ผมกลายเป็นคนว่างงานไปเลย ตอนนั้นคิดไม่ออกว่าควรจะต้องทำอะไร ผมมีภาระค่าใช้จ่าย เงินออมก็ไม่ได้มีมาก เลยตัดสินใจเอารถยนต์ที่มีมาลองให้บริการรับส่งผู้โดยสารผ่านแอป อาศัยขับรถรับคนบ้าง ส่งอาหารบ้าง จนถึงตอนนี้ก็สามารถสร้างรายได้ได้จากการรับส่งผู้โดยสาร ทำให้สามารถเลี้ยงดูตนเองและยังมีรายได้ในการใช้จ่ายในแต่ละเดือน
อย่างไรก็ตาม ทางรอดของคนหาเลี้ยงปากท้อง ต้องได้โอกาสจากภาครัฐ โดยนโยบายและการสนับสนุนช่วยเหลือจากภาครัฐมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของแรงงานยุคโควิด-19 ตัวอย่างเช่น มาตรการเยียวยาลูกจ้างทั้งในและนอกระบบ และมาตรการดูแลผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและลดภาระค่าใช่จ่าย ของกระทรวงการคลัง มาตรการเยียวยาผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกใหม่ของกระทรวงแรงงาน นโบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการช้อปดีมีคืน รวมถึงความพยายามของกระทรวงคมนาคม ในการผลักดันให้นำรถยนต์ส่วนบุคคลมาให้บริการรับจ้างสาธารณะผ่านแอปพลิเคชันถูกกฏหมาย เพื่อเป็นทางเลือกในการเพิ่มความสะดวกและตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของประชาชน และยังเป็นการหยิบยื่นโอกาสให้ผู้ขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลให้สามารถหาเลี้ยงปากท้องจากการให้บริการรับส่งผู้โดยสารส่วนบุคคลผ่านแอปฯ อีกด้วย แต่ขณะเดียวกัน ก็มีความกังวลต่อนโยบายหรือกฎเกณฑ์บางอย่างที่อาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนหาเช้ากินค่ำ
นายสุรพงษ์ สุขปูรณะ ตัวแทนเครือข่ายผู้ขับรถยนต์รับจ้างแบบบริการทางเลือก กล่าวถึงประเด็นการผลักดันกฏหมายรถยนต์ส่วนบุคคลมาให้บริการรับจ้างสาธารณะผ่านแอปพลิเคชันถูกกฎหมายว่า การที่ภาครัฐผลักดันให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ถูกกฎหมาย จะช่วยปลดล็อกและสร้างโอกาสและรายได้ให้คนนับหมื่นนับแสนในยุคที่หลายคนกำลังได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากวิกฤติโควิด แต่ก็มีความกังวลอยู่ว่า การอนุญาตให้บริการถูกกฎหมาย แต่มีการจำกัดจำนวนหรือกำหนด “โควต้า” ของภาครัฐนั้น จะเป็นการปิดกั้นโอกาสในการสร้างรายได้และจำกัดสิทธิในการให้บริการหรือไม่ ในวันที่หลายคนอาจมองไม่เห็นทางรอดของตนเอง กระทรวงฯ ควรเปิดให้ทุกคนจดทะเบียนได้อย่างเสรี ไม่ผูกขาด น่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งคนขับและผู้ใช้บริการมากกว่า
ในขณะที่คนไทยยังคงต้องเผชิญกับมรสุมโควิด-19 ที่ไม่มีใครรู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่ และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของทุกคนไปอีกนานแค่ไหน แต่ปัญหาปากท้องและการยืนหยัดได้ด้วยตนเองของภาคแรงงานไทยเป็นสิ่งที่รอไม่ได้ จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนและผลักดันให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้ รวมถึงการหยิบยื่นโอกาสและการเปิดกว้างในการประกอบอาชีพจากภาครัฐ เพื่อให้เราทุกคนสามารถผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน